ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง LTC
โดยทีมแพทย์และพยาบาลมืออาชีพ

เกี่ยวกับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ LTC Nursing Home

LTC ads image

กว่าจะเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ LTC Nursing Home

 

ในแรกเริ่มหนึ่งในผู้ก่อตั้งศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ LTC Nursing Home คือคุณตติยา จรรยาลิขิต ยึดอาชีพขายส่งอะไหล่แอร์รถยนต์เป็นหลัก โดยตัวท่านได้มีประสบการณ์ในการดูแลคุณแม่ (อาม่าเตียง) อายุ 92 ปี ซึ่งในขณะนั้นอาม่าเตียงเริ่มมีภาวะความจำเสื่อมและกระดูกหักจากการล้ม ทำให้คุณตติยารับอาสาจากพี่น้องที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกับอาม่าเตียงแต่จำเป็นต้องออกไปทำงานข้างนอกเพื่อขอรับคุณแม่มาดูแล เนื่องจากตัวคุณตติยาเป็นเจ้าของกิจการทำให้พอจะมีเวลาและความพร้อมในการดูแลอาม่าเตียงมากกว่าลูกๆท่านอื่น ครั้นจะหาคนมาดูแลตามบ้านก็ไม่สามารถไว้ใจได้ว่าผู้ที่จะมาดูแลจะสนใจอาม่าเหมือนที่ญาติพี่น้องดูแลหรือไม่ รวมไปถึงช่วงนั้นมีคลิปข่าวในการทำร้ายร่างกายผู้สูงอายุจากพนักงานที่รับจ้างดูแลตามบ้านให้เห็นกันบ่อยๆอีกทั้งตัวอาม่าก็สามารถเข้ากับคนนอกได้ยาก จึงทำให้คุณตติยาตัดสินใจที่จะดูแลอาม่าด้วยตัวท่านเอง ซึ่งในระหว่างดูแลอาม่าเตียงทำให้คุณตติยารับทราบถึงปัญหาต่างๆในการดูแลผู้สูงอายุทั้งในเรื่องของการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การรับประทานอาหารที่ผู้สูงอายุจะทานอาหารเป็นมื้อได้น้อย ซึ่งทำให้ต้องคอยดูแลเรื่องจัดอาหารระหว่างมื้อมากขึ้น การอาบน้ำและขับถ่ายที่ผู้สูงอายุบางท่านสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ในขณะที่บางท่านต้องการความช่วยเหลือถึงแม้ว่าจะมีห้องน้ำที่ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานของผู้สูงอายุ อย่างเช่นกรณีของอาม่าเตียงที่คุณตติยาจำเป็นจะต้องคอยช่วยเหลือเพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้มในห้องน้ำอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดกระดูกหักเพิ่มเติมเนื่องจากผู้สูงอายุกระดูกจะมีความเปราะบางมากกว่าในวัยอื่นๆ การออกกำลังกายที่จะต้องคอยดูแลให้ผู้สูงอายุทำเป็นประจำ โดยกิจกรรมที่ทำนั้นจะต้องไม่หนักจนเกินไป จากที่กล่าวไปทั้งหมดนั้นเป็นแค่ส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งในการดูแลผู้สูงอายุและยังไม่รวมถึงสุขภาพจิตที่จะต้องคอยดูแลและทำให้ผู้สูงอายุไม่รู้สึกเหงาหรือขาดความรักความเอาใจใส่ 

 

คุณตติยาซึ่งรับทราบถึงปัญหาของการดูแลผู้สูงอายุจากการที่ต้องดูแลอาม่าเตียงว่าต้องใช้ทั้งเวลาที่จะต้องทุ่มเทให้กับผู้สูงอายุ เงินในการจัดหาสิ่งจำเป็นต่างๆ ความเอาใจใส่ต่อสุขอนามัย สุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตของผู้สูงอายุ อีกอย่างที่สำคัญคือองค์ความรู้ที่จะใช้ในการดูแลผู้สูงอายุ ประจวบเหมาะกับระหว่างที่คุณตติยาดูแลอาม่าก็ได้รู้จักกับคุณวารี โสมเมา ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งในผู้ก่อตั้งศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ LTC Nursing Home โดยขณะนั้นคุณวารีทำงานให้กับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ทำให้ต้องออกไปคอยช่วยเหลือผู้คนที่ไร้ที่พึ่งและผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้ง เมื่อทั้งสองท่านได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติและแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับปัญหาในการดูแลผู้สูงอายุจึงทำให้ทั้งสองท่านเล็งเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจในการได้ช่วยเหลือผู้สูงอายุหรือลูกหลานที่มีกำลังทรัพย์แต่ยังขาดปัจจัยอื่นในการดูแลผู้สูงอายุไปพร้อมๆกันกับการสร้างรายได้ 

 

หลังจากวันนั้นเป็นระยะเวลาประมาณ 3 ปีเมื่อทุกอย่างพร้อม ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ LTC Nursing Home จึงได้เปิดให้บริการเป็นวันแรกในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2563 โดยได้ให้บริการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงทั้งในรูปแบบของรายวันและรายเดือน โดยมีทีมแพทย์และพยาบาลคือบุตรีของทั้งคุณตติยาและคุณวารีเป็นผู้ควบคุมดูแลการทำงานของทีมงาน ซึ่งหลักในการดำเนินกิจการของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ LTC Nursing Home จะยึดตามปณิธานที่ทั้งคุณตติยาและคุณวารีตั้งไว้ให้แต่แรก ดังคำที่ว่า “การดูแลผู้สูงอายุไม่ได้ยาก ถ้าเราใส่ใจในละเอียด เอาใจเขามาใส่ใจเรา และนึกถึงตอนท่านยังดูแลเราสมัยยังเป็นเด็ก” ดังนั้นทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุของเราจึงชื่อว่า LTC Nursing Home ที่ย่อมาจาก Love Taking Care คือ การดูแลด้วยความรัก ความห่วงใยและความใส่ใจ ได้มีการควบคุมคุณภาพการบริการพร้อมกับเน้นย้ำกับน้องๆผู้ดูแลทุกท่านเพื่อให้ลูกค้าของเราสามารถไว้วางใจได้ว่าเราจะดูแลบุคคลที่ท่านรักและห่วงใยอย่างดีที่สุด เพื่อให้ตัวท่านสามารถมีเวลาในการจัดการกับปัญหาในชีวิตด้านอื่นๆมากขึ้น รวมไปถึงอยากให้บุคคลที่ท่านรักได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดผ่านทางน้องๆผู้ดูแลที่มีใบรับรอง มีประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงอายุ รวมไปถึงมีใจที่อยากจะบริการอย่างเต็มที่

ทำไมต้องที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ LTC Nursing Home

 
ในยุคปัจจุบันที่ครอบครัวไทยเปลี่ยนแปลงลักษณะการอยู่อาศัยจากที่เคยอาศัยอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ได้เปลี่ยนมาเป็นการย้ายออกมาตั้งครอบครัวเดี่ยวมากขึ้นเพื่อลดความแออัดและปัญหาภายในครอบครัว จากรูปแบบการอยู่อาศัยดังกล่าวส่งผลให้ผู้สูงอายุต้องอาศัยอยู่ตามลำพังมากขึ้น ประกอบกับลักษณะสังคมในยุคปัจจุบันที่ทุกคนต่างต้องใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบเพื่อแข่งขันกับเวลาทั้งในส่วนของการเดินทางและการทำงาน ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้บุตรหลานไม่สามารถดูแลผู้สูงอายุได้อย่างเต็มที่ ซึ่งต้องยอมรับว่าการดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องมาจากเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุจะเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ 3 ด้านด้วยกัน คือ
 
  1. การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย – เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุด เนื่องจากระบบต่างๆของร่างกายนั้นเริ่มเสื่อมสภาพและทำงานได้น้อยลง กระดูกเริ่มเปราะมากขึ้น
  2. การเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจ – เมื่ออายุมากขึ้นหลายท่านมักจะประสบกับปัญหาวิตกกังวล ซึมเศร้า รู้สึกสิ้นหวังและต้องการการเสริมสร้างกำลังใจที่มากขึ้น
  3. การเปลี่ยนแปลงด้านสังคม – ผู้สูงอายุหลายท่านจะรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าที่ลดลงเนื่องจากบทบาทหน้าที่ในสังคมที่เปลี่ยนไป เช่น ผู้สูงอายุบางท่านเคยมีบทบาทเป็นผู้นำในองค์กร พอเกษียณอายุกลับไม่สามารถทำสิ่งที่ตัวเองเคยทำได้จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้รู้สึกด้อยค่า
 
จากปัจจัยดังกล่าวจะเห็นได้ว่าผู้สูงอายุต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของการดูแลด้านกิจวัตรประจำวัน เช่น การรับประทานอาหารที่ต้องคอยดูแลเรื่องโภชนาการให้เหมาะกับร่างกายของผู้สูงอายุ การเดิน,การลุก,การนั่งหรือการนอนที่อาจจะต้องคอยประคองเพื่อไม่ให้ผู้สูงอายุพลัดตกหรือหกล้ม การขับถ่ายที่จะต้องคอยดูแลในกรณีที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไตหรือโรคหัวใจ การออกกำลังกายที่จะต้องคอยกระตุ้นให้ผู้สูงอายุหมั่นออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตหรือเสริมสร้างความยืดหยุ่นของข้อต่อและกล้ามเนื้อ การหากิจกรรมทำร่วมกับผู้สูงอายุเพื่อกระตุ้นสมองและใช้เวลาร่วมกันภายในครอบครัว รวมไปถึงการเสริมสร้างกำลังใจเพื่อให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพจิตที่ดีและไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกทอดทิ้ง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการปรับปรุงสถานที่ที่จำเป็นจะต้องปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ
 
จะเห็นได้ว่าการดูแลผู้สูงอายุนั้นจำเป็นต้องอาศัยทั้งเงิน, เวลา, ความอดทน, ความรัก, ความเอาใจใส่และความเข้าใจ ซึ่งหลายครอบครัวก็มีวิธีการดูแลหรือวิธีการจัดการในหลายรูปแบบ บางครอบครัวจำเป็นต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุดูแลตัวเองในช่วงกลางวันเนื่องจากจำเป็นต้องออกไปประกอบอาชีพภายนอก บางครอบครัวมีลูกหลานเสียสละออกจากงานเพื่อมาดูแลผู้สูงอายุเต็มเวลาโดยให้พี่น้องท่านอื่นสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่าย บางครอบครัวก็เลือกที่จะจ้างผู้ดูแลมาดูแลที่บ้าน ในขณะที่บางครอบครัวเลือกที่จะพาผู้สูงอายุมาให้ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่สามารถไว้ใจได้ดูแลและหมั่นแวะเวียนมาเยี่ยม ซึ่งแต่ละวิธีนั้นมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกัน ซึ่งเราจะเปรียบเทียบให้เห็นถึงข้อดีข้อเสียเพื่อให้ผู้อ่านได้ใช้เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ
ผู้สูงอายุดูแลตัวเอง บุตรหลานดูแลเต็มเวลา* จ้างพยาบาลหรือผู้ดูแลประจำ** ให้ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุดูแล
เหมาะสมกับ

ผู้สูงอายุที่ดูแลตัวเองได้ดี

ผู้สูงอายุที่ไม่มีโรคหรือภาวะพึ่งพิง

ขึ้นกับความสามารถของผู้รับจ้าง

ทุกรูปแบบ

ค่าใช้จ่ายรวมสำหรับผู้ดูแลและผู้สูงอายุ
ต่ำ
ปานกลาง
สูง
ปานกลาง
การดูแลด้านสุขภาพและอนามัย
ต่ำ
สูง
สูง
สูง
กิจกรรมการเข้าสังคม
ต่ำ
ปานกลาง
ปานกลาง
สูง
การดูแลความปลอดภัย
ต่ำ
สูง
ปานกลาง-สูง
สูง
เวลาที่บุตรหลานต้องใช้ในการดูแล
น้อย
มากที่สุด
ปานกลาง
ปานกลาง
ความเครียดต่อบุตรหลาน
ปานกลาง
สูงที่สุด
ต่ำ
ต่ำ
ประโยชน์ต่อตัวผู้สูงอายุ
ต่ำ
สูง
สูง
สูง
ประโยชน์ต่อตัวบุตรหลาน
ปานกลาง
ต่ำ
สูง
สูง

ข้อควรคำนึง

* กรณีบุตรหลานดูแลเต็มเวลาบุตรหลานจะเสียโอกาสในการดำเนินชีวิตและเสียโอกาสในการทำงาน

** กรณีจ้างพยาบาลหรือผู้ดูแลประจำ ค่าใช้จ่ายหลักจะเกิดจากค่าใช้จ่ายในการจ้างพยาบาล-ผู้ดูแล ซึ่งหากนับรวมกับค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าอาหารของทั้งผู้ดูแลและผู้สูงอายุจะสูงมาก ยังไม่นับรวมถึงของใช้ส่วนตัวของผู้สูงอายุ

จากการเปรียบเทียบจะเห็นได้ว่าการปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่คนเดียวนั้นมีข้อเสียเยอะที่สุด ส่วนการให้บุตรหลานดูแลเต็มเวลานั้นส่งผลดีต่อด้านสภาพแวดล้อมและจิตใจต่อผู้สูงอายุแต่ต้องแลกกับการที่บุตรหลานผู้ดูแลนั้นอาจจำเป็นต้องลาออกจากงานและอาจเกิดความเครียดจากการต้องดูแลผู้สูงอายุที่จะต้องใช้ความอดทน, ความรักและความเข้าใจ รวมถึงต้องยอมแลกกับเวลาส่วนตัวที่จะลดลงไปอย่างมาก ส่วนประโยชน์ของการดูแลผู้สูงอายุโดยการจ้างพยาบาลหรือผู้ดูแลเมื่อเปรียบเทียบกับการดูแลโดยศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแล้วจะเห็นได้ว่าไม่แตกต่างกันมากนักทั้งในเรื่องของกิจกรรมการเข้าสังคมที่ผู้ดูแลก็สามารถพาผู้สูงอายุออกไปข้างนอกเพื่อพบปะเพื่อนได้ ในขณะที่ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุก็จะมีกิจกรรมให้ทำร่วมกันเป็นประจำ ส่วนเรื่องของการดูแลความปลอดภัยนั้นไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นักหากที่บ้านของผู้สูงอายุนั้นมีการออกแบบให้รองรับกับผู้สูงอายุ แต่ทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีหมอหรือพยาบาลจะได้เปรียบกว่าการจ้างผู้ดูแลตรงที่มีหมอและพยาบาลคอยให้การสนับสนุนได้อย่างรวดเร็วเมื่อจำเป็น

ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมานี้การดูแลผู้สูงอายุด้วยการจ้างพยาบาลหรือผู้ดูแลที่มีความชำนาญในการดูแลผู้สูงอายุ หรือ การเลือกใช้บริการของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ใกล้บ้านท่านหรือที่ท่านไว้ใจก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกับผู้สูงอายุและบุตรหลานมากกว่าแบบอื่นๆ ซึ่งอย่างไรก็ตามต้องดูปัจจัยแวดล้อมอื่นๆประกอบไปด้วย หรือแม้แต่การเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเองก็ต้องเลือกอย่างรอบคอบให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

 

ทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ LTC Nursing Home นับว่ามีความพร้อมในการดูแลผู้สูงอายุเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากเรามีหลายปัจจัยที่จะคอยตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุทั้งในด้านร่างกาย, จิตใจและสังคมโดยที่

  1. มีทีมแพทย์และพยาบาลคอยควบคุมการดำเนินงานเพื่อแสดงถึงความพร้อมในเรื่องการสนับสนุนในกรณีที่คาดคิดไม่ถึง
  2. ดูแลโดยน้องๆผู้ดูแลที่มีใบรับรองด้านงานพยาบาลการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งหมายถึงมีความรู้และมีจิตใจที่พร้อมจะบริการตลอด 24 ชม.
  3. มีกิจกรรมไว้ทำร่วมกันภายในศูนย์ เพื่อให้ผู้สูงอายุไม่รู้สึกว่าถูกทอดทิ้งและไม่รู้สึกเหงา
  4. สถานที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อผู้สูงอายุ เช่น ประตูมีขนาดกว้าง สามารถนำรถเข็นเข้า-ออกได้, ห้องน้ำมีราวช่วยพยุง เป็นต้น
  5. มีระบบกล้องวงจรปิดเพื่อคอยดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดเวลา
  6. มีระบบกริ่งเรียกผู้ดูแลสำรองไว้กรณีฉุกเฉิน
  7. มีแม่ครัวดูแลด้านอาหารให้ถูกหลักโภชนา ที่สำคัญคือสะอาดและยังคงความอร่อยไว้ได้
  8. มีแม่บ้านคอยดูแลเรื่องความสะอาดแยกกันชัดเจนกับผู้ดูแล เพื่อให้ผู้สูงอายุมีผู้ดูแลตลอดเวลา
  9. ใกล้โรงพยาบาลหลายแห่ง อาทิ โรงพยาบาลเปาโลโชคชัย4, โรงพยาบาลลาดพร้าว, โรงพยาบาลวิภาราม, โรงพยาบาลนวเวช, โรงพยาบาลสินแพทย์ เป็นต้น
  10. มีรถฉุกเฉินคอยรองรับกรณีเหตุฉุกเฉิน
  11. ใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลอีสวิล กรณีผู้สูงอายุจำเป็นต้องใช้สิ่งของจำเป็นทางศูนย์สามารถจัดหาได้ทันที
ทั้งหมดนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งในหลายปัจจัยที่ทำให้เราเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ดี มีคุณภาพและมีราคาที่เหมาะสมในเขตลาดพร้าว 
LTC Love Taking Care

ติดต่อเรา

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ LTC Nursing Home

เลขที่ 3/71 ซ.ชมพูนิช ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม. 10230

โทรศัพท์ : 086-463-9800